ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตอีกด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม อาการนี้อาจรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ซับซ้อนมากมาย ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
1. ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่คืออะไร?
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นภาวะที่ทำให้เราไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ มักเกิดขึ้นเมื่อไอ จาม หรือปวดปัสสาวะมากอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกในชีวิตประจำวันมากมายทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลและขาดความมั่นใจ
เพื่อให้เข้าใจภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ดีขึ้น เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการปัสสาวะตามปกติ ระบบทางเดินปัสสาวะของเราประกอบด้วยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ไตกรองเลือดและผลิตปัสสาวะ และท่อไตจะนำปัสสาวะไปที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็ม สมองจะส่งสัญญาณให้เราปัสสาวะ ในเวลานี้ กล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะปัสสาวะจะเปิดออก และปัสสาวะจะถูกขับออกทางท่อปัสสาวะ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกิดขึ้นเมื่อการประสานจังหวะระหว่างสมอง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหยุดชะงัก อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่:
- อายุ: ความสามารถในการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลงตามอายุ
- โรค: การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางระบบประสาท…
- การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร: แรงกดดันต่อกระเพาะปัสสาวะของทารกในครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน…
- นิสัยการใช้ชีวิตบางประการ: ดื่มของเหลวมากเกินไปก่อนเข้านอน กลั้นปัสสาวะนานเกินไป…

หลายคนคิดว่าภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นเรื่องปกติของวัยชราและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความเข้าใจผิด แม้ว่าภาวะนี้จะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถปรับปรุงได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม
2. การจำแนกประเภทของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
2.1. ปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันไม่สามารถควบคุมได้
ผู้ที่มีอาการปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันมักมีความอยากปัสสาวะอย่างฉับพลันและรุนแรงมากจนเข้าห้องน้ำไม่ทันเวลา การปวดปัสสาวะนี้มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยควบคุมได้ยาก
สาเหตุหลักของการปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันคือกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่:
- ปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท: ความเสียหายต่อเส้นประสาทที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้อวัยวะนี้หดตัวอย่างควบคุมไม่ได้
- การติดเชื้อ: การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะและเพิ่มความถี่ในการปัสสาวะ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำในสตรีวัยหมดประจำเดือนอาจทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอลง
- ปัจจัยอื่นๆ: การมีน้ำหนักเกิน กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ และการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะอย่างฉับพลันได้เช่นกัน

2.2. ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อออกแรง
คุณมักจะปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เช่น วิ่ง กระโดด หรือยกของหรือไม่? สาเหตุของปัญหานี้อยู่ที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำหน้าที่เหมือน “เปลญวน” ที่รองรับอวัยวะในอุ้งเชิงกราน รวมถึงกระเพาะปัสสาวะด้วย เมื่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลงจะไม่มีแรงพอที่จะยึดกระเพาะปัสสาวะให้แน่นอีกต่อไป ส่งผลให้ปัสสาวะรั่วเมื่อมีแรงกดทับช่องท้อง มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ได้แก่:
- การคลอดบุตร: การคลอดบุตร โดยเฉพาะการคลอดทางช่องคลอดสามารถทำลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาทโดยรอบ ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- การผ่าตัด: การผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน เช่น การผ่าตัดต่อมลูกหมาก อาจทำลายเส้นประสาทและกล้ามเนื้อโดยรอบ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดได้
- อายุ: เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อในร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะอ่อนแอลง
- โรคบางอย่าง: บางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และท้องผูก อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอได้
2.3. ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากการล้น
ภาวะปัสสาวะเล็ดบ่อยครั้งเป็นภาวะที่ปัสสาวะรั่วไหลออกอย่างช้าๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากการปัสสาวะ สาเหตุหลักคือกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขับปัสสาวะออกไปจนหมด ส่งผลให้มีน้ำหยดตลอดเวลา
2.4. ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบผสม
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบผสมเกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ส่งผลให้ผู้ป่วยปัสสาวะเล็ดบ่อยครั้ง ซึ่งหมายความว่าอาจมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะในเวลาเดียวกัน ทำให้ควบคุมการปัสสาวะได้ยากขึ้น
3. ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีอาการอะไรบ้าง?
ผู้ที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่มักพบว่าปัสสาวะรั่วไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาการอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังต่อไปนี้:
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ระหว่างออกกำลังกาย: ปัสสาวะอาจรั่วไหลได้เมื่อไอ จาม หัวเราะ วิ่ง หรือยกของหนัก
- ปัสสาวะบ่อย: ต้องปัสสาวะหลายครั้งทั้งกลางวันและกลางคืน แม้ว่าจะดื่มน้ำน้อยก็ตาม
- ปวดปัสสาวะอย่างฉับพลัน: ความรู้สึกอยากปัสสาวะอย่างฉับพลันและรุนแรง กลั้นยาก
อาการข้างต้นมักทำให้เกิดความไม่สะดวกและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย หากคุณสังเกตเห็นว่าคุณมีอาการเหล่านี้ ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรับคำแนะนำอย่างทันท่วงที

4. สาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่คืออะไร?
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นปัญหาที่ซับซ้อนซึ่งอาจมีสาเหตุหลายประการ สาเหตุทั่วไปบางประการมีดังนี้:
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ: แบคทีเรียที่เข้าสู่ทางเดินปัสสาวะอาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- นิสัยการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ: การดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ เครื่องดื่มอัดลม และยาขับปัสสาวะเป็นประจำอาจเพิ่มความจำเป็นในการปัสสาวะและทำให้ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ยาก
- อาการท้องผูก: อาการท้องผูกเป็นเวลานานโดยเฉพาะในสตรีสูงอายุสามารถกดดันกระเพาะปัสสาวะและทำให้ปัสสาวะเล็ดได้
- ปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน: ความอ่อนแอของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและเนื้อเยื่อซึ่งมักเกิดขึ้นในสตรีที่คลอดบุตรหลายครั้ง อาจทำให้ความสามารถในการรองรับของกระเพาะปัสสาวะลดลง ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดและแม้แต่อาการห้อยยานของอวัยวะในบริเวณอุ้งเชิงกราน

- ความผิดปกติทางระบบประสาท: โรคทางระบบประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง และเบาหวาน อาจส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดได้
- ปัญหาทางกายวิภาค: ความบกพร่องแต่เกิดหรือปัญหาโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้เกิดการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ และทำให้ปัสสาวะเล็ดได้
โดยสรุป ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อาจมีสาเหตุหลายประการ ทั้งปัจจัยทางกายภาพและทางระบบประสาท เพื่อระบุสาเหตุได้อย่างแม่นยำและได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
5. O NEO แก้ไขสาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทำให้เกิดความไม่สะดวกมากมายและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เข้าใจเรื่องนั้น O NEO เกิดมาพร้อมกับสูตรเฉพาะที่ผสมผสานเอสเซ้นส์จากธรรมชาติมาแก้ปัญหาได้อย่างหมดจด
ถั่งเช่าซึ่งเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่หายาก เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่ามีความสามารถในการส่งเสริมสุขภาพของไตและกระเพาะปัสสาวะ ส่วนประกอบ Cordycepin ในถั่งเช่าช่วยลดการอักเสบ ปกป้องเยื่อบุทางเดินปัสสาวะ และปรับปรุงการทำงานของไต นอกจากนี้สารสกัดจากถั่วงอกยังช่วยปรับปรุงสุขภาพของระบบทางเดินปัสสาวะอีกด้วย สุดท้ายสารสกัดจากเมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ

ส่วนผสมที่ลงตัวของส่วนผสมเหล่านี้ใน O NEO นำมาซึ่งประโยชน์ที่โดดเด่น:
- ปรับปรุงการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ: ลดความถี่ในการปัสสาวะ ลดอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ช่วยให้คุณควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีขึ้น
- ลดการอักเสบและปกป้องเยื่อเมือก: ป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ลดการระคายเคืองและความเจ็บปวด
- เสริมสร้างสุขภาพไต: รองรับฟังก์ชั่นการกรองเลือดของไต ช่วยขจัดสารพิษ และรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์
- สมดุลของฮอร์โมน: ดีสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน
ด้วย O NEO คุณสามารถมั่นใจได้ถึงวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ให้ O NEO ร่วมเดินทางกับคุณเพื่อฟื้นความมั่นใจและความสะดวกสบายในชีวิต