อาการปัสสาวะตอนกลางคืนเป็นปัญหาที่หลายๆ คนแอบกังวล หากไม่รีบแก้ไขจะทำให้นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายตัว และส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ปัสสาวะตอนกลางคืนเเป็นโรคอะไร สาเหตุของโรค และจะหยุดอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนได้อย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กับ O NEO Thailand ในบทความนี้ด้วยกันเลยค่ะ
1. อาการปัสสาวะตอนกลางคืนคืออะไร?
กระเพาะปัสสาวะของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถบรรจุปัสสาวะได้ประมาณ 300 – 400 มิลลิลิตรเมื่อเต็ม กระเพาะปัสสาวะจะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาขับถ่ายปัสสาวะ ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ (ADH) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและความเข้มข้นของเสียในปัสสาวะ เพื่อช่วยรักษาความดันโลหิต ปริมาณเลือดในร่างกาย และปริมาณน้ำในเซลล์ให้อยู่ในระดับที่สมดุล ช่วยให้เรานอนหลับได้สนิท
อาการปัสสาวะตอนกลางคืน คือ ภาวะที่ผู้ป่วยต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อยครั้งมากกว่า 1 ครั้งต่อคืน อัตราการเกิดโรคนี้จะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ดังนั้น หากคุณตื่นขึ้นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน คุณควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไต หรือปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบในร่างกาย
2. สาเหตุของอาการปัสสาวะตอนกลางคืนที่ใครๆ ก็อาจพบเจอ
สาเหตุของอาการปัสสาวะตอนกลางคืนมีหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือสาเหตุจากโรค หรือที่เรียกว่าโรคทางกาย ในการรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพ แพทย์จำเป็นต้องตรวจร่างกาย และประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุของโรคที่แท้จริงซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะตอนกลางคืน
2.1. สาเหตุทางสรีรวิทยา
ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
หากร่างกายของคุณสูญเสียสมดุลของของเหลว ทำให้ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นมากกว่า 40 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/24 ชั่วโมง ผู้ป่วยอาจมีสาเหตุมาจาก:
- ดื่มน้ำหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
- เป็นโรคเบาหวาน
- แคลเซียมในเลือดสูง
- ไตวายเรื้อรัง
ปัสสาวะในเวลากลางคืน
ภาวะปัสสาวะตอนกลางคืนจนทำให้นอนไม่หลับนั้น จะได้รับการวินิจฉัยก็ต่อเมื่อ ปริมาณปัสสาวะในเวลากลางคืนมากกว่า 35% ของปริมาณปัสสาวะทั้งหมดใน 24 ชั่วโมง สาเหตุอาจมาจาก:
- ดื่มน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์มากในช่วงเย็น
- การใช้ยาขับปัสสาวะใกล้เวลานอน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ
- ภาวะเลือดคั่งในหลอดเลือดดำ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้เกิดการกระจายของเหลวในร่างกายผิดปกติในเวลากลางคืน
การใช้ยา
ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยา Demeclocycline ยา Digoxin ยา Phenytoin ยา Lithium ยา Methoxyflurane และ ยา Propoxyphene อาจทำให้อาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืนในผู้ที่ใช้ยา ซึ่งถือเป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้เกิดผลในการรักษาของยา ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลมากเกินไป
ประสบปัญหาการนอนหลับ
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานมากขึ้น ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
2.2. สาเหตุจากโรค
กระเพาะปัสสาวะของผู้ใหญ่สามารถบรรจุปัสสาวะได้ประมาณ 300 – 400 มิลลิลิตร เมื่อปัสสาวะที่ไหลลงมาจากไตเต็มกระเพาะปัสสาวะ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอยากปัสสาวะ ในขณะที่สมอง ไขสันหลังส่วน S1 และ S2 และระบบประสาทส่วนปลาย เป็นตัวควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้น ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทจึงอาจส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ นำไปสู่อาการปัสสาวะตอนกลางคืนได้
โรคทางระบบประสาทบางชนิด
ความผิดปกติของระบบประสาท มักทำให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะราด ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ได้แก่:
- โรคไขสันหลังถูกกดทับ
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคพาร์กินสัน
หากผู้หญิงอายุ 60 ปีขึ้นไป มักมีอาการปัสสาวะบ่อย และได้ตัดสาเหตุของการอุดตันของกระเพาะปัสสาวะออกไปแล้ว แพทย์อาจสงสัยว่าเป็นโรคทางระบบประสาท
การหยุดหายใจขณะหลับ
ความผิดปกติของการนอนหลับอาจเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะตอนกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถเพิ่มความถี่ของการปัสสาวะตอนกลางคืนได้ ดังนั้น การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะช่วยให้อาการปัสสาวะตอนกลางคืนดีขึ้น
ปัสสาวะตอนกลางคืนจากความผิดปกติของระบบทางปัสสาวะส่วนล่าง
การทำงานของไตในการทำให้ปัสสาวะเข้มข้นขึ้นจะช่วยให้คุณนอนหลับได้ตลอดคืนโดยไม่ถูกรบกวน การทำงานนี้จะมีประสิทธิภาพลดลงตามอายุ นอกจากนี้ โรคต่อมลูกหมากโตและปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะอื่นๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบ ทำให้กระเพาะปัสสาวะอ่อนแอ กักเก็บปัสสาวะได้น้อยลง ส่งผลให้อาการปัสสาวะตอนกลางคืนเพิ่มขึ้น สาเหตุโดยละเอียด ได้แก่:
- โรคของท่อปัสสาวะที่ทำให้เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะ
- ภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน
- ภาวะไวเกินจากโรคหรือการตั้งครรภ์
- ภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบชนิด Interstitial Cystitis
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ต่อมลูกหมากโต
ต่อมลูกหมากโตเป็นสาเหตุทั่วไปของอาการปัสสาวะตอนกลางคืน โรคนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ชาย 50% ที่มีอายุระหว่าง 51-60 ปี อัตราส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 90% ในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 80 ปี
ต่อมลูกหมากอยู่รอบท่อปัสสาวะ ดังนั้น หากต่อมลูกหมากโตขึ้นก็จะทำให้เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ ผนังกระเพาะปัสสาวะจะหนาขึ้น ทำให้เกิดปัญหาในการขับปัสสาวะ ผู้ป่วยที่มีอาการต่อมลูกหมากโตควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อควบคุมอาการของโรคและให้อาการปัสสาวะรตอนกลางคืนดีขึ้น
3. ปัสสาวะตอนกลางคืนรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
คำตอบคือ คุณสามารถทำให้อาการปัสสาวะตอนกลางคืนดีขึ้นและยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณได้อย่างแน่นอน ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม คุณสามารถกำจัดสาเหตุทางสรีรวิทยาที่อาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะรตอนกลางคืนได้ ซึ่งจะช่วยหยุดอาการปัสสาวะตอนกลางคืนที่คุณกำลังเผชิญอยู่
ในขณะเดียวกัน สำหรับโรคที่ทำให้เกิดอาการปัสสาวะตอนกลางคืน คุณจำเป็นต้องมีแผนการไปพบแพทย์และรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างถูกวิธี เมื่อโรคได้รับการรักษาแล้ว อาการปัสสาวะตอนกลางคืนที่คุณกำลังเผชิญอยู่ก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้สูงอายุ อาการปัสสาวะตอนกลางคืนอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะร่างกายเสื่อมถอย การทำงานของกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะส่วนอื่นๆ ลดลง ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย ดังนั้น อาการปัสสาวะตอนกลางคืนในผู้สูงอายุยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย ตลอดจนการใช้ยาที่เหมาะสม ผู้ป่วยก็ยังสามารถทำให้อาการดีขึ้นและป้องกันไม่ให้โรคลุกลามมากขึ้นได้
4. จะรักษาอาการปัสสาวะตอนกลางคืนให้หายเร็วได้อย่างไร?
4.1. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
พฤติกรรมการกิน
- จำกัดปริมาณน้ำดื่ม (อย่างน้อย 2 ชั่วโมง) ก่อนนอน
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะในช่วงเย็น เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ ชา…
- ในมื้อเย็น ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม จำกัดการรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น ส้มโอ แตงโม ส้ม…
พฤติกรรมการนอน
- ฝึกนิสัยการปัสสาวะก่อนนอน ยกขาสูงขณะนอน
- ผ่อนคลาย รักษาจิตใจให้สงบก่อนนอน
- หากมีคนในบ้านป่วย ควรเตรียมทางเดินที่สะดวกจากที่นอนไปยังห้องน้ำเพื่อป้องกันการหกล้ม
นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ป้องกันภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน หากกำลังใช้ยาควบคุมความดันโลหิตอยู่ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย ยาขับปัสสาวะจะทำให้ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นหากรับประทานในช่วงเย็น
4.2. แบบฝึกหัด Kegel ช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะตอนกลางคืน
Kegel เป็นแบบฝึกหัดที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยพยุงการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปัสสาวะตอนกลางคืนโดยเฉพาะ และผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากเกินไปโดยทั่วไป
วิธีการฝึก:
- ขั้นแรก คุณต้องหากลุ่มกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้พบ โดยลองกลั้นปัสสาวะขณะกำลังถ่ายปัสสาวะอยู่ กลุ่มกล้ามเนื้อที่บีบรัดตัวเพื่อหยุดการไหลของปัสสาวะนั่นคือ กลุ่มกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- หลังจากที่ทราบตำแหน่งของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแล้ว คุณสามารถฝึกแบบฝึกหัด Kegel ได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
- นอนหงายบนพื้น เท้าทั้งสองข้างราบกับพื้น วางมือทั้งสองข้างไว้บนหน้าท้อง
- จากนั้น บีบรัดกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ค่อยๆ ยกสะโพกขึ้นจากพื้นประมาณ 5 เซนติเมตร
- ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จากนั้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดสะโพกลง พัก 10 วินาที แล้วทำซ้ำ
- ทำซ้ำ 15-20 ครั้งต่อเซต ทำ 3 เซ็ตต่อวัน
4.3. การรักษาด้วยยา
ในหลายกรณี การใช้ยาแผนปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นในการบรรเทาอาการปัสสาวะตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาและใช้ยาด้วยตนเอง ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ยาแผนปัจจุบันสำหรับรักษาอาการปัสสาวะตอนกลางคืน ได้แก่ ยาที่มีส่วนผสมของ muscarinicacetycholin (MAR) (MAR) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของ acetylcholin ได้แก่:
- Solifenacin (vasiare): มีฤทธิ์ในการยับยั้งอะซิทิลโคลีน ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะกักเก็บปัสสาวะได้มากขึ้น
- Oxybutynin (ditropan): มีฤทธิ์ในการลดการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียง เช่น ร้อน ผิวแห้ง กระหายน้ำมาก ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องผูก รู้สึกร้อนผ่าวขณะปัสสาวะ ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะ มองเห็นภาพซ้อน
- Darifenacin (enablex, emselex: ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะรตอนกลางคืนร่วมกับอาการปัสสาวะเร่งด่วน (ปวดปัสสาวะแบบรุนแรงและฉับพลัน) และปัสสาวะเล็ด
อาการปัสสาวะตอนกลางคืนทำให้ผู้ป่วยต้องตื่นขึ้นกลางดึกหลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพจิต อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงหลายชนิด หากอาการนี้ยังคงอยู่และไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาอย่างทันท่วงที