กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน (Overactive Bladder – OAB) ด้วยอาการอย่างเช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกลางคืน ปัสสาวะเล็ด และปัสสาวะเร่งด่วน ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก บทความนี้จะไขข้อข้องใจเรื่องยาที่ใช้รักษาภาวะนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ป่วยหลายคนให้ความสนใจ!
1. กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินคืออะไร?
ภาวะ กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน (OAB) คือภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะเร่งด่วน ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกลางคืน โดยอาจมีหรือไม่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (ปัสสาวะเล็ด) ร่วมด้วย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะหรือไม่มีสาเหตุจากโรคอื่นๆ
อาการของภาวะ กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน (OAB) ได้แก่:
- ปัสสาวะเร่งด่วน: ผู้ป่วยมีความรู้สึกอยากปัสสาวะแบบเฉียบพลัน กลั้นไม่อยู่ และต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที ถือเป็นอาการสำคัญในการวินิจฉัยภาวะ กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
- ปัสสาวะเร่งด่วนแบบ “ไม่มีปัสสาวะเล็ด”: รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องปัสสาวะทันทีและกลั้นได้ยากมาก แต่ไม่มีอาการปัสสาวะเล็ด
- ปัสสาวะเร่งด่วน (แบบมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมด้วย): เป็นอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดขึ้นหลังจากมีความรู้สึกปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลัน ประมาณ 50% ของผู้ป่วย OAB จะมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมด้วย โดยมีอาการต่างๆ เช่น ปัสสาวะราดทันทีที่รู้สึกปวดปัสสาวะโดยไม่ทันเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะรดที่นอน ปัสสาวะเล็ดแบบไม่รู้ตัวในระหว่างวัน
- ปัสสาวะบ่อย (ในเวลากลางวัน): ผู้ป่วยต้องปัสสาวะบ่อยครั้ง (ตั้งแต่ 8 ครั้งขึ้นไป) ในช่วงเวลาที่ตื่นอยู่
- ปัสสาวะกลางคืน: ผู้ป่วยต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางคืน ตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป
ในทางคลินิก ภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท:
- กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินแบบแห้ง (Dry OAB): เป็นชนิดที่ไม่มีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมด้วย
- กระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินแบบเปียก (Wet OAB): เป็นชนิดที่มีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมด้วย
2. ภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินอันตรายหรือไม่?
แม้ว่าภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว เหนื่อยล้า และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ผู้ป่วย OAB อาจรู้สึกอาย ขาดความมั่นใจ และในบางรายอาจนำไปสู่ความเครียด โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว
การที่ผู้ป่วย OAB ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะในตอนกลางคืน อาจทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท และเสี่ยงต่อการหกล้ม หรือโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวได้
3. ภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินจำเป็นต้องใช้ยารักษาหรือไม่?
โดยทั่วไป การรักษากระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินมักจะเริ่มต้นด้วยวิธีที่ไม่ต้องใช้ยา ได้แก่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้
- ก่อนอื่น ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ และรู้วิธีสังเกตเมื่อกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต:
- ปรับปริมาณน้ำดื่มให้เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวัน และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ เช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน น้ำอัดลม ผล
- ไม้รสเปรี้ยว อาหารรสจัด เครื่องปรุงรส อาหารแปรรูป …
- จัดสรรเวลาในการนอนหลับและการทำงานให้เหมาะสม
- จดบันทึก “สมุดบันทึกการปัสสาวะ”
- งดสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงภาวะน้ำหนักเกิน
- ป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
- การฝึกกล้ามเนื้อ:
-
- ฝึกกลั้นปัสสาวะ ยืดระยะเวลาในการปัสสาวะแต่ละครั้งให้นานขึ้น
- ฝึกปัสสาวะเป็นเวลา ควบคุมการปวดปัสสาวะเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด
- ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (แบบใช้หรือไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย)
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมถือเป็นขั้นตอนแรกในการรักษาภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน หากไม่ได้ผล ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในขั้นตอนต่อไป – ซึ่งก็คือการใช้ยาลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ หรืออาจใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน
4. ยาที่ใช้รักษาภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกินมีอะไรบ้าง?
4.1. ยาต้าน muscarinic (Anticholinergics/Antimuscarinics)
- กลไกการออกฤทธิ์:
ยาต้าน muscarinic จะไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน ที่ควบคุมการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะคลายตัว ลดอาการปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลันและปัสสาวะบ่อย
- ชนิดของยาต้าน muscarinic:
Oxybutynin, Tolterodine, Trospium, Solifenacin, Darifenacin และ Fesoterodine ยาเหล่านี้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
- ผลข้างเคียง:
ยาต้าน muscarinic มีผลต่อกล้ามเนื้อมัสคารินิกทั่วร่างกาย ดังนั้นการใช้ยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปากแห้ง ท้องผูก ตาพร่ามัว หัวใจเต้นเร็ว อ่อนเพลีย …
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะสัมพันธ์กับขนาดยาที่ใช้ ดังนั้นจึงควรรักษาด้วยขนาดยาเริ่มต้นที่ต่ำที่สุด และค่อยๆ เพิ่มขนาดยาตามความรุนแรงของโรคและความทนต่อผลข้างเคียง
4.2. ยากลุ่ม Beta-3 Adrenergic Agonists
- กลไกการออกฤทธิ์:
ยากลุ่ม β3-adrenergicจะเพิ่มการตอบสนองต่อ adrenergic ซึ่งถูกควบคุมโดยระบบประสาทซิมพาเทติก จึงทำให้กล้ามเนื้อเดทรูเซอร์ของกระเพาะปัสสาวะคลายตัวในช่วงที่กระเพาะปัสสาวะกักเก็บปัสสาวะ
- ยาที่ออกฤทธิ์เลียนแบบ β3-adrenergic ในการรักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน:
Mirabegron, Amibegron, Solabegron, Rotibegron และ Vibegron โดยเฉพาะ Mirabegron และ Vibegron ได้รับการศึกษาวิจัยและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
- ผลข้างเคียง:
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยเมื่อใช้ยาในกลุ่ม β3-adrenergic ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ท้องผูก ปากแห้ง คัดจมูก ปวดศีรษะ และเวียนศีรษะ …
4.3. ยาชนิดอื่นๆ
- Estrogen ชนิดสอดช่องคลอด: อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
- ยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก เช่น อิมิพรมิน (Imipramine) และ อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) ถูกนำมาใช้ แม้ว่ายาในกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ในการต้าน cholinergic อ่อนก็ตาม
- Botulinum toxin type A ใช้ในกรณีที่การรักษาด้วยยาต้าน cholinergic ที่ไม่ได้ผล
5. ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
เมื่อใช้ยารักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้:
- ยากลุ่มนี้ไม่เหมาะกับทุกคน: ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์และพิจารณาให้รอบคอบก่อนใช้ยารักษาภาวะกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน:
-
- หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอื่นๆ
- ปัญหาเกี่ยวกับไต
- ปัญหาเกี่ยวกับตับ
- ผู้ป่วยโรคต้อหิน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ควรหลีกเลี่ยงยาต้าน cholinergic ทุกชนิด
- รับประทานยาตามขนาดและระยะเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด: ห้ามปรับขนาดยา เพิ่ม ลด หรือหยุดยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- สังเกตและจดบันทึกผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น แจ้งแพทย์ทันทีหากพบผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือรุนแรงขึ้น
- ตรวจสุขภาพตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แพทย์ติดตามผลการรักษาและเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในระหว่างการใช้ยา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกเว้นในกรณีที่แพทย์แนะนำให้จำกัดปริมาณน้ำที่ดื่ม
6. O NEO – ทางเลือกธรรมชาติสำหรับการรักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น เมล็ดฟักทอง ถั่วงอกญี่ปุ่น ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ แครนเบอร์รี่ และมะเขือเทศ ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร O NEO เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
- สารสกัดจากเมล็ดฟักทอง: สาระสำคัญในเมล็ดฟักทอง เช่น สเตอรอล (sterol) ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ โดยลดแรงกดทับที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และปัสสาวะเร่งด่วน
- สารสกัดจากถั่วงอก: Isoflavone ในถั่วงอกออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งทำหน้าที่พยุงกระเพาะปัสสาวะ
- สารสกัดจากถั่งเช่า: ถั่งเช่าช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย เพิ่มภูมิต้านทาน และปกป้องอวัยวะต่างๆ รวมถึงไตและกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
- สารสกัดจากแครนเบอร์รี่: แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยสาร proanthocyanidins (PACs) ชนิด A ซึ่งช่วยยับยั้งการเกาะติดของเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ จึงมักถูกนำมาใช้ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ นอกจากนี้ แครนเบอร์รี่ยังอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และลดกลิ่นของปัสสาวะในผู้ที่มีปัญหาการควบคุมการปัสสาวะ
- สารสกัดจากมะเขือเทศ: บริมาณ Lycopene สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในมะเขือเทศ มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ นอกจากนี้ มะเขือเทศยังอุดมไปด้วยกรดอินทรีย์ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุอีกหลายชนิด ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง
ยิ่งไปกว่านั้น O NEO ยังมี GO-LESS® – สารสกัดลิขสิทธิ์จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดฟักทองและถั่วเหลืองงอกในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรคกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน
ด้วยเหตุนี้ O NEO จึงเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีอาการกระเพาะ ปัสสาวะ บีบ ตัว ไว เกิน